โอกาสในวิกฤติ จาก เฟซบุ้คสำนึกผิด(รึเปล่า)
เมื่อวันที่ 10 เมษายน ที่ผ่านมา
พี่มาร์ค ซีอีโอใหญ่แห่ง Facebook
ไปให้ปากคำกับ กก สภาคองเกรส
ตามข่าวใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง
ในประเด็น ปล่อยขให้ข้อมูลผู้ใช้กว่า 85 ล้านราย หลุด !!!
และท่านทราบหรือไม่
ว่านี่มันครั้งที่เท่าไรแล้ว ที่มาร์ค ก็ยังคงสำนึกผิด (อีกครั้ง)
ลองไล่เรียงกันดู
- การสร้าง new feed จากเพื่อนของผู้ใช้ โดยไม่แจ้งให้ทราบล่วงหน้าทำให้ผู้ใช้แสดงความไม่พอใจกับเรื่องนี้ ต่อนั่นก็กลายเป็นบรรทัดฐานหรือหลักของเฟซบุ้คไปในที่สุด
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นราวปี 2549 กยและได้ออกมาขอโทษเป็นครั้งแรก - ฟีเจอร์บีคอน เป็นการแจ้งให้เพื่อนของผู้ใช้เฟซบุ้คทราบว่า
ผู้ใช้ซื้อสินค้าอะไรมา จะว่าไปหากซื้อของสัพเพเหระ
คงไม่ผิดอะไรครับ`แต่ของใช้ส่วนตัว ที่ไม่อยากให้ใครทราบนี่
ไม่รู้ว่าฟีเจอร์นี้มันแอบแฉให้เพื่อนตัวดีของเราฟังหรือเปล่า
และจากเหตุการณ์นี้ ทางมาร์คก็ออกมาขอโทษอีกครั้ง เมื่อ พย 50 - กพ 52 เปลี่ยนเงื่อนไขการให้บริการ หากจำไม่ผิดตอนนั้น
มีข่าวมั่วออกมา ว่าเฟซบุ้คกำลังจะเจ๊งแน่เลย
จึงต้องออกมาเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขก็ว่ากันไปล่ะครับ และมาร์คก็ออกมาแสดงความรับผิดชอบเป็นครั้งที่ 3 - เมษา 53 เฟซบุ้คให้บริษัทโฆษนาเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ ออกมาขอโทษเช่นเคย
- พย 54 FTC สอบสวนเฟซบุ้คเรื่องละเมิดความเป็นส่วนตัว ขอโทษอีกแล้ว
การออกมาขอโทษหรือแสดงความรับผิดชอบเป็นเรื่องดีที่น่ายกย่อง
แต่ล่าสุดการให้ปากคำกับคณะกรรมการสภาคองเกรส
มาร์คถูกถามถึงธุรกิจนี้จะอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อมันฟรี ให้ใช้ได้ฟรี
มาร์คตอบเพียงเราขายโฆษนาครับ
ตอบแบบนี้ศรีธนญชัยโคตรครับ
เพราะก่อนจะนำโฆษนาไปปรากฏบนฟีดของลูกค้าได้นั้น
ต้องอ้างอิงกับข้อมูล ความสนใจ ของลูกค้า มิใช่หรือครับ
อย่างนั้นก็เป็นการขายข้อมูลลูกค้าอยู่ดี ว่างั้นไหมครับท่าน !!!
เรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ กับความเป็นส่วนตัวนี่ เป็นทั้งโอกาสและอุปสรรคนะครับ
จะว่าไปหากหน่วยงานภาครัฐ หรือกรมสุขภาพจิต
สามารถดึงข้อมูลเหล่านี้เพื่อให้การช่วยเหลือผู้มีปัญหาทางจิต
ก็นับเป็นประโยชน์มหาศาลเช่นกันนะครับ
ในบ้านเมืองเรา เรื่องความเป็นส่วนตัว อาจจะไม่ค่อยอะไรกันมาก
หมายถึงไม่ค่อยใส่ใจครับ
เช่น การแปะรหัสผ่านล้อกอิน บนแป้นพิมพ์ หรือหย้าจอกันเลยทีเดียว
ไม่ต้องรอให้ใครมาแอบเอาข้อมูลไปขายหรอกครับ
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น